ตอน(1) ของ180 ตอน
วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2550
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
atom
ตอน(2)
-2) ทฤษฏีของพระพุทธเจ้านั้นไม่ผิดและถูกต้องเสมอ ทำไมประชาชนชาวพุทธหรือชาวโลกไม่ค่อยมีคนแห่มาปฏิบัติตามอย่างจริงจังและชาวโลกทำไมไม่เจริญรอยตามอย่างจริงๆจังๆเป็นเพราะอะไร (มันก็น่าคิดอยู่เหมือนกันหรือว่าทฤษฏีได้แต่ปฏิบบัติ ไม่ work และท้ายสุดเราได้อะไรจากคำสอนและผลที่ได้มันคืออะไร ไม่ต้องอะไรมากแค่ศิล5 ที่ว่าเป็น basic ขั้นพื้นฐาน ยังไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญสักเท่าไรเลย สักแต่พูดว่าเป็นชาวพุทธ ขอถามหน่อยหรือกล้าท้าได้เลยส่วนใหญ่แล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิดเดียวมันเป็นเพราะอะไรกันแน่? ตอบ เพราะตัวกิเลสชนิด(หลง) ที่เข้ามาครอบงำปัญญานั้นเองทำให้พุทธแท้เป็นพุทธเทียม จากพุทธเทียมกลายเป็นพุทธเสื่อม
ถึงแม้จะรู้ ไม่ว่ารู้มากหรือรู้น้อยก็ตามแต่ก็ไม่มีใครให้ความสำคัญเท่าไร และไม่ปฏิบัติด้วยซ้ำมันก็เป็นอะไรที่ชี้วัดได้ระดับหนึ่งเหมือนกันว่าทฤษฏีนี้จริงๆแล้วมันได้อะไรกับเราบ้าง หรือมันเหมาะกับการสอนเด็กเท่านั้น เหรอพอโตขึ้นกับที่จะต้องอยู่บนโลกของความจริงที่โหดร้ายว่ามันไม่เป็นตามที่เราเคยเรียนมา และนั้นเป็นบทพิสูจน์ความจริงที่ต้องเจอและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับมันและจะต้องอยู่กับมันใหัได้ ตอบ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุปัจจัยของมัน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนั้นจึงมี แต่ท้ายสุดมันจะเกิดและดับตามกฏไตรลักษณ์
-3)คนสมัยก่อนส่วนใหญ่มักจะโง่และตั้งกฏกติกา และธรรมเนียมแบบผิดๆ ทำให้คนรุ่นใหม่สงสัยมากเลย ก่อเกิดคำถามและหาคำตอบ แต่บางครั้งก็หาคำตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆมีสิ่งที่งมงายให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ และไม่ที่มีสิ้นสุดและมักมีคนโง่รุ่นใหม่ๆเจริญรอยตาม ไม่ว่าจะทรงเจ้า คาถาอาคม นับถือสิ่งศักสิทธิ์ ของคลัง อุปกรณ์ต่างๆของพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเซ่น หริออะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ ล้วนแล้วก็อุโลคขึ้นมาเองทั้งนั้น เพื่อให้ขัง ท้ายสุดก็ไม่พ้นเรื่องของธุรกิจที่เข้ามาเกี่ยวข้อง งมงายและเป็นมิจฉาทิฏฐิ ลองสังเกตุดูบางศาสนา ไม่เห็นต้องมีสิ่งเหล่านี้เลย เช่นศาสนามุสสลิม หรือชาวคริสต์ (จะพูดในมุมดีก่อน) ไม่ต้องฟุ้มเฟือยเช่น
ศาสนามุสสลิมเวลาคนตายไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าหรือจะเป็นกษัตย์หรือจะเป็นยาจกทุกคนเสมอภาพหมดไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างกันมากพิธีกรรมนั้นเรียบง่ายไม่ต้องฟุ้มเฟือยเหมือนชาวจีนพิธีกรรมวุ่นวายสิ้นเปลืองเรื่องเยอะ(ฮวงจุ้ย)ค่าใช้จ่ายสูงถึงสูงมาก (เอาแบงค์จริงแลกแบงค์เก้แล้วเอาไปเผาเล่นๆให้ในสิ่งที่มองไม่เห็น มันเป็นแค่กุสโลบายที่แสดงออกถึงความกตัญญูเท่านั้น)
ถึงแม้จะรู้ ไม่ว่ารู้มากหรือรู้น้อยก็ตามแต่ก็ไม่มีใครให้ความสำคัญเท่าไร และไม่ปฏิบัติด้วยซ้ำมันก็เป็นอะไรที่ชี้วัดได้ระดับหนึ่งเหมือนกันว่าทฤษฏีนี้จริงๆแล้วมันได้อะไรกับเราบ้าง หรือมันเหมาะกับการสอนเด็กเท่านั้น เหรอพอโตขึ้นกับที่จะต้องอยู่บนโลกของความจริงที่โหดร้ายว่ามันไม่เป็นตามที่เราเคยเรียนมา และนั้นเป็นบทพิสูจน์ความจริงที่ต้องเจอและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับมันและจะต้องอยู่กับมันใหัได้ ตอบ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุปัจจัยของมัน เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนั้นจึงมี แต่ท้ายสุดมันจะเกิดและดับตามกฏไตรลักษณ์
-3)คนสมัยก่อนส่วนใหญ่มักจะโง่และตั้งกฏกติกา และธรรมเนียมแบบผิดๆ ทำให้คนรุ่นใหม่สงสัยมากเลย ก่อเกิดคำถามและหาคำตอบ แต่บางครั้งก็หาคำตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆมีสิ่งที่งมงายให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ และไม่ที่มีสิ้นสุดและมักมีคนโง่รุ่นใหม่ๆเจริญรอยตาม ไม่ว่าจะทรงเจ้า คาถาอาคม นับถือสิ่งศักสิทธิ์ ของคลัง อุปกรณ์ต่างๆของพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเซ่น หริออะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ ล้วนแล้วก็อุโลคขึ้นมาเองทั้งนั้น เพื่อให้ขัง ท้ายสุดก็ไม่พ้นเรื่องของธุรกิจที่เข้ามาเกี่ยวข้อง งมงายและเป็นมิจฉาทิฏฐิ ลองสังเกตุดูบางศาสนา ไม่เห็นต้องมีสิ่งเหล่านี้เลย เช่นศาสนามุสสลิม หรือชาวคริสต์ (จะพูดในมุมดีก่อน) ไม่ต้องฟุ้มเฟือยเช่น
ศาสนามุสสลิมเวลาคนตายไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าหรือจะเป็นกษัตย์หรือจะเป็นยาจกทุกคนเสมอภาพหมดไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างกันมากพิธีกรรมนั้นเรียบง่ายไม่ต้องฟุ้มเฟือยเหมือนชาวจีนพิธีกรรมวุ่นวายสิ้นเปลืองเรื่องเยอะ(ฮวงจุ้ย)ค่าใช้จ่ายสูงถึงสูงมาก (เอาแบงค์จริงแลกแบงค์เก้แล้วเอาไปเผาเล่นๆให้ในสิ่งที่มองไม่เห็น มันเป็นแค่กุสโลบายที่แสดงออกถึงความกตัญญูเท่านั้น)
alien
ตอน(3)
-4)อนาคตข้างหน้าสำหรับคนยุคใหม่ (รุ่นลูก รุ่นหลาน และรุ่นโหลน ) จะให้ความสำคัญน้อยลงไปเรื่อยๆทั้งนี้เพราะการแกร่งแย้งและเห็นแก่ตัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆเงินจะเป็นใหญ่ศีลธรรมจะทดถอย ศาสนาเริ่มเป็นที่เสื่อมทั้งนี้เพราะ กฏของธุรกิจและประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงและต่อเนื่องโดยไม่มีที่สิ้นสุด
(ปัญหาก็จะตามมาแน่นอนและหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะความไม่สมดุลของประชากรโลกที่คนตายน้อยกว่าคนเป็น หรือการที่หันมาควบคุมประชากรโลกจะดีว่าไหมแทนที่จะไปควบคุมสิ่งแวดล้อมกันเพราะทุกวันนี้คนเราหันมาสนใจและดูแลสิ่งแวดล้อมกันอยู่หรือเข้าไปควบคุมเพื่อที่จะเอาชนะสิ่งแวดล้อม แต่หารู้ไม่มนุษย์เรานี้เองที่ไปทำลายสิ่งแวดล้อมโลกโดยที่เราไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวก็ตาม อยากให้เห็นภาพในอนาคตอีกไม่ถึง 10 ปีที่ประชากรโลกจะขยายตัวแบบก้าวกระโดดชนิดที่โรคเอดส์ยังตามไม่ทัน นอกเสียจากการเกิดสงครามโลกชนิดเฉียบพันที่เกิดจากการก่อการร้ายข้ามชาติขอถามหน่อยประชากรโลกตอนนี้มี
6,500 พันล้านคนถ้าอนาคตไม่ถึง 15 ปีประชากรโลกจะขยายไปถึงเกือบ 10,000 ล้านคน การที่จะเพาะปลูกเพื่อเลี้ยงประชากรโลกเริ่มมีปัญาหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ความแกร่งแย้งก็บังเกิดขึ้น ความเห็นแก่ตัวก็เริ่มทวีความรุนแรงนี้คือที่มาของสาเหตุที่ว่าศาสนาเริ่มเสื่อม ประชาชนส่วนใหญ่จะอยู่แบบตัวใครตัวมัน ถ้าทรัพยากรโลกยังไม่มีปัญหาทุกๆอย่างก็จะคลีคลายได้ แต่เมื่อไรที่ทรัพยากรโลกขาดแคลนเมื่อนั้นมาถึงหรือเศรษฐกิจที่แข่งขันกันจนหาทางออกไม่ได้ หรือเป็นอะไรที่ตกลงกันไม่ได้เพราะผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวทั้งหมดทั้งมวลมันเชื่อมโยงกันและมันเกี่ยวข้องกับเศษฐกิจล้วนๆที่จะปฏิเสธมันไม่ได้ สงครามก็จะประทุขึ้น) นี้คือกฏธรรมชาติ และทางออกมีหรือเปล่า ก็ได้แต่หวังว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาท อย่างมากในการแก้ไขปัญหาได้
-4)การสวดมนต์เราได้อะไรจากมันนอกจากทำให้จิตรใจสงบหรือไม่สงบบ้างในช่วงสั้นๆแค่นั้นเองไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้วคนส่วนใหญ่รู้ความหมายของมันหรือไม่(น้อยมากๆที่จะเข้าใจความของมันเหตุผลเพราะอะไร คำตอบก็คือมันไม่มีอไรที่เป็นที่น่าสนใจหรือรู้แล้วก็เอาไปใช้กับชีวิตประจำวันได้ไม่มาก ยิ่งเป็นพวกวัยรุ่นแล้วยิ่งไม่ work ลองไปพิจราณาคูว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมจึงไม่มีใครนำมาประยุกค์สร้างใหม่หรือดัดแปลงจากที่ยากให้เข้าใจได้ง่ายๆฟังแล้วเข้าใจแล้วนำไปปฏิบัติได้จริงและชิ้วัดเห็นผลได้ทุกคนชอบใจสามารถเข้าไปนั่งในใจเขาได้ รับรอง work แน่นอน คัดเฉพราะเอาแต่สิ่งที่จำเป็นและเป็นสาระสำคัญๆเท่านั้นก็พอ)
และทำไมไม่ค่อยมีใครสนใจเข้าฟังธรรมหรือฟังเทศน์ คำตอบก็คือ เรียนแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องหรือไม่เข้าใจหรือเข้าใจแล้วแล้วยังไงต่อ บางครั้งฟังแล้วก็เฉยๆรู้บางไม่รู้บ้างพอฟังเสร็จก็ยกมือไห้วแล้วก็กลับบ้านพอพรุ่งนี้เช้าลองไปถามซิรับรองเลยว่าลืมหมดแล้วท้ายสุดก็ไม่ได้อะไรกับมาใช้ได้กับชีวิตประจำวันได้เลย (บางคนรู้แต่ก็ไม่ทำก็มี) แล้วคนส่วนใหญ่เข้าใจรู้ลึกซึ้งของศาสนามากน้อยแค่ไหนและอะไรคือหัวใจของมัน แต่แล้วคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจหรือเข้าใจก็แล้วแต่ก็ยังทำอะไรผิดๆเยอะแยะไปหมด เชื่อแบบไม่มีเหตุผล ไม่ค่อยมี filter และไม่ฉลาด ตามหลักธรรมชาติถ้าจะเอาเข้าจริงๆมันจะต้องประกอบไปด้วยคือ
1) จะต้องเรียบง่ายและเข้าใจง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนและไม่ต้องลึกซึ้งมากเพราะลึกซึ้งมากประชาชนส่วนใหญ่ที่โง่มักไม่เข้าใจ 2) ปฏิบัติทุกอย่างต้องรู้จัก balance หรือไม่ตึงและไม่หย่อนเกินไป 3) ทำอย่างไรที่สื่อแล้วเข้าใจง่ายและเร็วไม่ใช้ศัพย์ยากไม่ต้องแปลไทยป็นไทย แล้วบรรลุผลได้จริงชิ้วัดผลได้จริงๆ ทุกคนพร้อมใจกันที่จะนำไปปฏิบัติต่อและขยายผลต่อๆไป บางเรื่องถ้าเป็นเรื่องจริงแต่สาระน้อย พูดง่ายๆเอาแต่เนื่อๆน้ำไม่เอา ก็อย่านำมาสอน บางเรื่องเป็นเรื่องจริงก็จะต้องเน้น (focus)ให้ดีและสอนให้เป็น สอนให้เป็นไปตามความเป็นจริง ไม่ใช่ให้มีคำถามเกิดขึ้นแล้วก็ยังหาคำตอบไม่ได้และเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์มันแปลเปลี่ยนไปนานแล้วและไม่ยอมประยุกต์หรือดัดแปลงมัวแต่ copy มาทื่อๆโดยไม่ดูเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นจริงๆ
บางเรื่องมันใช้ไม่ได้แล้วกับยุคสมัยนี้ก็ไม่ยอมโล้ะทิ้งแสดงว่าไม่มีหัวพัฒนาของการเรียนการสอนเลยเขาว่าอย่างงัยก็ว่าอย่างนั้นไม่ใช้ปัญญาเลยที่มีอยู่มาช่วยพัฒนาชาติบ้านเมืองอย่ามาอ้างนะว่านี้เป็นเรื่องของทางโลก ถ้ามีปัญญาจริงๆแล้วสอนได้บอกได้แนะได้โดยไม่ต้องออกตัวก็ได้ ถ้ารู้วิธีการแล้ว นอกเสียจากจะไม่มีปัญญาจริงๆ เพราะหน้าที่ของพระสงฆ์คือการนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่หรือ ทุกอย่างบนโลกนี้มันจะต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้มันต้องขึ้นอยู่กับสถาการณ์นั้นๆเป็นหลักเพราะฉะนั้นมักไม่ค่อยมีกฏตายตัวเสมอไปทุกอย่างถึงเวลาของมันก็จะแปรเปลี่ยนไปตลอดตามกฏธรรมชาติ อะไรจริงอะไรปลอมก็ไม่ยอมเฉลยมัวแต่มั่วกันไปหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น